หน้าแรก
งานนิติการ
"ทักษิณ" กลัวเทพธิดาแห่งความยุติธรรมที่มีผ้าผูกตา
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เดินทางกลับประเทศไทยมารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยอ้างถึงความไม่ปลอดภัย และมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การใช้ระบบสองมาตรฐาน ขาดความเป็นกลาง
ข้ออ้างดังกล่าวจะฟังขึ้นหรือไม่อย่างไร ก็คงจะต้องดูพฤติกรรมสะสมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมา
การพูดถึงความยุติธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชวนให้ระลึกถึงประวัติความเป็นมาของเทพธิดาแห่งความยุติธรรมที่มีผ้าผูกตาที่ได้แสดงมาตั้งแต่สมัยโรมัน ศตวรรษที่ 15
เทพธิดาแห่งความยุติธรรมผู้นี้มีชื่อJustitia หรือ"เทพีจัสติเตีย" ที่มีลักษณะการแต่งกาย ดังนี้
มีผ้าผูกตา (ฺBlindfold) เปิดทรวงอก (Bare-breasted) หัตถ์ซ้ายถือตราชู (Scales) หัตถ์ขวาถือดาบ (Sword)
ที่มีผ้าผูกตาหมายถึง การไม่อยู่ภายใต้อาณัติของใคร จะต้องดำเนินการให้ความยุติธรรมโดยปราศจากความกลัวหรือความชอบใด ๆ ไม่คำนึงถึงสถานะอำนาจ อิทธิพลหรือความอ่อนแอของคู่ความที่เรียกว่า Blind Justice และ Blind impartiality
การเปิดทรวงอก หมายถึง การพิจารณาพิพากษาคดีต้องกระทำโดยเปิดเผย ให้ประชาชนเข้าฟังได้ การเปิดเผยนี้เป็นหลักประกันอันสำคัญของการพิจารณาพิพากษาว่า ไม่มีการงุบงิบ ตุกติก แต่อย่างใด
หัตถ์ซ้ายถือตราชู หมายความถึง ผู้พิพากษาต้องเป็นอิสระ
ไม่มีความลำเอียงเพราะการแทรกแซง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจทางการเมือง
ตราชู
ได้นำมาเป็นองค์ประกอบของสัญลักษณ์ความสุจริตยุติธรรมที่เที่ยงตรงเรียกว่า"พระดุลพ่าห์"
ที่สามศาลอันเป็นหลักสำคัญเสาหินของความยุติธรรมได้นำมาเป็นเครื่องหมายตามภาพที่ได้อัญเชิญมาให้เห็นคือของศาลยุติธรรม
ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง
หัตถ์ขวาถือดาบ แสดงให้เห็นถึงเหตุผลในการมีคำสั่งและคำพิพากษา ดังที่ประจักษ์เป็นตัวอย่างที่ศาลอาญาได้ตัดสินจำคุกคดีหลีกเลี่ยงภาษีของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร สามปี
ตรงกับหลักอิสระ ที่มีในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ ปรากฏอยู่ในกฎหมายตราสามดวง ในหลัก"อินทภาษ" ความตอนหนึ่งมีว่า
"ให้ผู้พิภากษาปราศจากฉันทาคตินั้น คือให้ทำจิตรให้นิราศขาดจากโลภ อย่าได้เห็นแก่ลาภะ โลกามิศสีน จ้างสีนบน อย่าได้เข้าด้วยฝ่ายโจทย์ฝ่ายจำเลยเปนเหตุจะได้วิญาณพัศดุะแลอะวิญาณะพัศุดะ ให้กระทำจิตรให้เปนจัตุรัศเที่ยงแท้เปนท่ามกลาง ดั่งตราชูอันยกขึ้นอย่าได้กดขี่ฝ่ายโจทยกยอฝ่ายจำเลย ยกข้างฝ่ายโจท กดขี่ฝ่ายจำเลยให้พ่ายแพ้แก่กันลงด้วยอำนาจของตน ถึงมาทว่าผู้ต้องคดีนั้นจะเปนเผ่าพันธุเปนต้นว่าบิดามานดาตนก็ดี อย่าพึงเข้าด้วยสามาถฉันทาคติอันมิควรจะพึงไป จงทำจิตรให้ตั้งอยู่ในอุเบกขาญาณ จึ่งได้ชื่อว่าเปนองคตุลาการ มีอาการอันเสมอเหมือนด้วยตราชู"
ตามคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ หลักอินทภาษที่ศักดิ์สิทธิ์ เรียกหลักนี้ว่า "ติอิสสโร" ที่ศาตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ได้อธิบายไว้ว่าเป็น "หลักอิสรภาพในความ ๓ ประการ กล่าวคือ ตระลาการตั้งตนเป็นอิสรภาพ ๑ เอาตัวโจทก์จำเลยเป็นอิสรภาพ ๑ เอาแต่ถ้อยคำสำนวนเป็นอิสรภาพ ๑ อีกนัยหนึ่งคือ ไม่อยู่ใต้อาณัติของใคร ไม่เห็นแก่หน้าใคร ดุจรูปเทพธิดาแห่งความยุติธรรม ที่มีผ้าผูกตา"
นี่แหละคือสาเหตุที่แท้จริงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมกลับมารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพราะกลัวการเผชิญหน้ากับเทพธิดาแห่งความยุติธรรมที่มีผ้าผูกตา
โดย : ปรีชา สุวรรณทัต